การสอบแต่ละครั้ง จุดประสงค์หลักของมันก็คือ วัดความรู้ที่เราได้เรียนมาทั้งหมด ว่าเรารับรู้ได้มากน้อยแค่ไหน วัดว่าเราตั้งใจเรียนในห้องรึเปล่า แต่มีหลายคนเลย ที่แปรจุดประสงค์ของการสอบให้เปลี่ยนไป กลายเป็นว่า “ฉันจะต้องสอบได้ได้คะแนนดีกว่าเพื่อนคนนี้ให้ได้!” การเป็นการแข่งขันไปซะงั้น แล้วพอเราได้คะแนนน้อย ก็มีนั่งเศร้า นั่งร้องไห้น้ำตาตกใน ให้คะแนนสอบมันมากำหนดชีวิตของเรา ประหนึ่งว่า ถ้าได้คะแนนไม่ดี ก็อย่าไปเรียนมันเลยดีกว่า เชื่อว่าหลายคนก็คิดแบบนี้ใช่รึเปล่า ^^
แค่กระดาษแผ่นเดียวเนี่ยนะ มันทำให้เราท้อได้ขนาดนี้เชียวหรอ ทำไมปัญญาอ่อนแบบนี้!!!!!
สิ่งที่ควรคิดได้หลังจากนั้น คืออย่าไปมองที่ผลว่า ทำไมตัวเองถึงสอบได้คะแนนน้อย แต่กลับไปมองที่ต้นเหตุว่า ที่เราได้คะแนนแค่เนี้ย เราทำดีที่สุดแล้วรึยัง เรามีความพยายามพอไหม
ผลจะเกิดได้อย่างไร หากไม่มีสาเหตุ
ไม่มีมูล ไม่อึ๊หรอกเนาะ^^
ถ้าไม่มี ทุกข์ ก็จะไม่มี สมุทัย นิโรธ จนกลายมาเป็นมรรค หนทางแห่งการดับทุกข์ ถูกต้องรึเปล่า ^^
จึงอยากให้ทุกคนมองว่า การสอบ เป็นเพียงแค่บททดสอบอีกบทหนึ่งของชีวิต
จะตก จะผ่าน จะได้คะแนนน้อยหรือเยอะ ไม่ว่าจะกลางภาค ไฟนอล หรือ แอดมิชชั่น
สิ่งที่เราได้จากการสอบน่ะ มันมากมายกว่าคะแนนของเราเสียอีก
แล้ว... สอบตกมันดียังไงหรอ? หลายคนอาจจะเกิดความสงสัยในใจ
สอบตกน่ะ มันให้อะไรหลายๆอย่างมากกว่าการสอบผ่านเสียอีก (โดยเฉพาะการส่งรายงานซ่อม ซึ่งมากมายเหลือเกิน - -“) การสอบตก ไม่ได้หมายความว่า เรามันโง่ เรามันไม่เก่ง เราไม่ไม่ฉลาด พี่มันแย่ พี่แพ้ป.4 ไม่ใช่แบบนั้น การสอบตก มันอาจจะมาจากหลายสาเหตุ อาทิ
1.เราป่วยอยู่รึเปล่าตอนนั้น ไม่สบาย เป็นไข้ ตัวร้อน ปวดศีรษะ
2.มีเรื่องกระทบจิตใจของเราอยู่รึเปล่า เช่น สุนัขที่เรารักมากอาจจะเสียชีวิต เป็นต้น
3.อ่านหนังสือไม่ทัน เนื่องจากเนื้อหาที่ใช้เรียนมันเยอะมาก หรือาจจะมีงานเยอะจนไม่สามารถหาเวลาว่างอ่านหนังสือได้
4.ขาดประสบการณ์ในการทำโจทย์ อาจจะเจอได้ในวิชาพวก คณิตสาสตร์ และ ฟิสิกส์
5.ขาดแรงจูงใจในการเรียน ไม่ตั้งใจเรียน
ฯลฯ
การที่จะสอบผ่าน หรือสอบตก ไม่ได้วัดว่าคนนั้นเก่ง หรือโง่ อย่างที่บอกไป มันมีปัจจัยมาจากหลายสาเหตุ เพราะฉะนั้น เราจะไปด่วนตัดสินใครไม่ได้นะ
ลองคิดดูนะ คนที่สอบตกเป็นกิจวัตร พอสอบได้คะแนนดีๆ เขาก็จะเฉยๆ อาจจะดีใจบ้าง แต่ก็ไม่มากจนเกินไป พอสอบตก เขาก็เฉยๆได้ เพราะว่าเค้าเจอมาบ่อยอยู่แล้ว แต่ในทางกลับกัน เด็กที่สอบได้คะแนนดีๆทุกปี จู่ๆมาสอบตก คะแนนลดฮวบ ทุกคนคิดว่า เขาจะทำใจได้เร็วกว่าเด็กที่สอบตกบ่อยๆรึเปล่า
Confirm 100% ว่า ไม่มีทางหรอก เพราะถ้าคนที่ไม่เคยเจอเรื่องนี้กับตัว พอโดนครั้งแรกมันก็จะไม่มีภูมิคุ้มกัน ตอนช่วงแรกๆไง มันก็ต้องมีการเสียใจเป็นเรื่องธรรมดา อยู่ที่ว่าแต่ละคนจะเอาใจไปยึดติดกับคะแนนของตัวเองมากแค่ไหน ความทุกข์เกิดขึ้นเพราะว่าเราเอาใจของเรา ไปยึดติดกับสิ่งนั้นมากเกินไป พอไม่เป็นอย่างที่หวังไว้ เราก็จะเสียใจ แล้วก็เสียดายกับมัน แต่เชื่อเถอะ พอคนเราได้เจอไปครั้งหนึ่งแล้วนะ เราก็จะเริ่มปรับสภาพได้ เหมือนอีสุกอีใสอ่ะ ถ้าเราไม่เป็นก่อน แล้วร่างกายของเราจะสร้างภูมิกันออกมาป้องกันโรคนี้อีกได้อย่างไร จริงรึเปล่า ^^
แต่ถ้าตกบ่อยเกินไปมันก็ไม่ดีนะ เพราะนั่นหมายความว่า เราไม่ได้ให้ความเอาใจใส่กับวิชานั้นๆเลย ควรจะเอากลางๆ อยู่แบบพอดีๆ ตกบ้างผ่านบ้าง เอาให้มันคละเคล้ากันไป อย่าทำให้พ่อแม่เราต้องเสียใจนะ เหะๆ
ข้อดีของการสอบตก สรุปเอาง่ายๆเลยนะว่า
1.เป็นการสร้างภูมิคุ้มกันภายในจิตใจของเรา เวลาเราได้คะแนนน้อย เราจะได้ไม่เกิดอาการซึมเศร้าจนเกินไป
2.เป็นการประเมินตัวเองในระดับหนึ่ง ทำให้เราทราบถึงข้อบกพร่องของตัวเอง จะได้แก้ไขได้ตรงจุด
3.การซ่อม ถือว่าเป็นการทบทวนการทำข้อสอบของเราอีกครั้งหนึ่ง จะได้เป็นอุทาหรณ์ แล้วเราจะได้ไม่พลาดอีก หรือถ้าให้ทำงานอื่นส่ง ก็เพื่อเป็นการพัฒนากระบวนการเรียนรู้ของเราให้ดีขึ้น (ตอกย้ำซ้ำซากไง)
4.อย่างที่ผมบอกไป พลาดตอนนี้ ดีกว่าไปพลาดตอนสอบแอดมิชชั่นนะ
ข้อเสียของการสอบผ่านหล่ะคืออะไร
1. ถ้าเราไม่เคยตกเลยสักครั้ง เราก็จะไม่มีภูมิคุ้มกันความโศกเศร้าเสียใจ ซึ่งก็เป็นสาเหตุเด่นๆ ที่ทำให้เด็กเรียนเก่งฆ่าตัวตายมาแล้วหลายคน ใช่รึเปล่า
2. การแข่งขันก็จะยิ่งปรากฏให้เห็นได้ชัด เพราะ ถ้าเราสอบผ่าน แต่เพื่อนอีกคนนึงสอบผ่านเหมือนกัน แต่ดันได้คะแนนเยอะกว่าเรา ใจเราก็จะเริ่มคิดหาวิธีให้ตัวเองสอบได้คะแนนดีกว่าเพื่อนแล้ว เนี่ยแหละ ความทุกข์ความอยาก มันเกิดขึ้นที่ใจเราเป็นต้นเหตุทั้งนั้น
3. อาจจะทำให้เราประหม่าในเวลาสอบครั้งต่อไป เพราะใจเรามัวแต่คิดว่า “ยังไง เราก็สอบผ่าน” แล้วเราก็ขาดความกระตือรือร้นไปโดยปริยาย
4. การที่เราสอบผ่าน ขอให้ถามตัวเองดีๆว่า เราผ่านด้วยความสามารถของตัวเองรึเปล่า ถ้าคำตอบคือไม่ เราก็จะไม่ได้อะไรจากการสอบในแต่ละครั้งเลย
อย่าให้การสอบ มาตัดสินทางเดินชีวิตของเรา^^
อ้างอิงจาก http://writer.dek-d.com/Master_rakung/story/viewlongc.php?id=411497&chapter=34411497&chapter=34
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น